หัวข้อ   “ ประเทศไทยวันนี้เป็นอย่างไรหลังผ่าน 8 เดือน คสช.
ประชาชนส่วนใหญ่ชี้การวางระเบิดเป็นการท้าทายกฎอัยการศึก
70.4% บอกกฎอัยการศึกยังจำเป็น เหตุป้องกันม๊อบ การก่อการร้าย ระบุมีผลอย่างมากต่อความสงบของประเทศ
71.1% เห็นว่าประเทศดีขึ้นกว่าเดิมภายใต้การบริหารของรัฐบาลพลอ.ประยุทธ์
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                 กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจ
ความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประเทศไทยวันนี้เป็นอย่างไรหลังผ่าน 8 เดือน
คสช.” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,120 คน
พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 46.2 เห็นว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึก
ตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมามีผลอย่างมากต่อบรรยากาศความสงบสุข
ของประเทศในปัจจุบัน
ส่วนร้อยละ 35.3 เห็นว่ามีผลบ้าง ขณะที่ร้อยละ 16.5 เห็นว่า
ไม่มีผล
 
                  เมื่อถามว่า “เหตุการณ์ความไม่สงบ การวางระเบิดที่รถไฟ BTS
สถานีสยาม และห้างพารากอน เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อท้าทายกฎอัยการศึก
ใช่หรือไม่” ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.7 ระบุว่า “ใช่”
ขณะที่ร้อยละ 20.9 ระบุว่า “ไม่ใช่”
และร้อยละ 28.4 ไม่แน่ใจ
 
                 นอกจากนี้เมื่อถามว่ากฎอัยการศึกยังจำเป็นสำหรับ คสช. และรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการบริหารประเทศหรือไม่ ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ร้อยละ 70.4 เห็นว่ายังจำเป็น
ในจำนวนนี้ร้อยละ 39.2 ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการป้องกัน
การชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ และร้อยละ 31.2 เพราะยังมีการสร้างสถานการณ์ การวางระเบิด
การก่อความไม่สงบ ขณะที่ร้อยละ 22.3 เห็นว่าไม่จำเป็น โดยร้อยละ 13.4
ให้เหตุผลว่าจะทำให้ดูไม่ดีในสายตาชาวต่างชาติ และร้อยละ 8.9 เห็นว่าจะกระทบต่อ
การท่องเที่ยว
 
                 สำหรับความเห็นต่อคำถามที่ว่า “ปัจจุบันบรรยากาศในชุมชนหรือจังหวัดที่ท่านอาศัย ยังมี
ความ ขัดแย้ง ความเห็นต่าง และการแบ่งฝ่ายทางการเมืองหรือไม่” ส่วนใหญ่ร้อยละ 50.9 เห็นว่ายังมีอยู่บ้าง
ขณะที่ร้อยละ 38.2 ไม่ค่อยเห็นเลย ส่วนร้อยละ 9.8 เห็นว่ายังมีเหมือนเดิม
 
                 เมื่อถามว่า “การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา และไม่มีคนต้าน
จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเลือกตั้งรอบหน้าว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม จะสามารถหาเสียงได้ทั่วประเทศ
ใช่หรือไม่ ” ส่วนใหญ่ร้อยละ 45.6 บอกว่า “ใช่” เพราะปัจจุบันความขัดแย้งลดลงมากจึงน่าจะสามารถหาเสียง
ทั่วประเทศได้
ขณะที่ร้อยละ 40.1 บอกว่า “ไม่ใช่” เพราะคิดว่าการต่อต้านการหาเสียงของฝ่ายตรงข้ามยังคงมีอยู่
 
                 สุดท้ายเมื่อถามว่า “ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านคิดว่า
ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด” ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.1 ระบุว่า “ดีขึ้นกว่าเดิม”
ขณะที่ร้อยละ 19.6 ระบุว่า
“ยังเหมือนเดิม” และร้อยละ 6.9 ระบุว่า “แย่ลงกว่าเดิม”
 
 
                 โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
 
             1. การประกาศใช้กฎอัยการศึกตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา มีผลมากน้อยเพียงใด
                 ต่อบรรยากาศความสงบสุขของประเทศในปัจจุบัน


 
ร้อยละ
มีผลมาก
46.2
มีผลบ้าง
35.3
ไม่มีผล
16.5
ไม่แน่ใจ
2.0
 
 
             2. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “เหตุการณ์ความไม่สงบ การวางระเบิดที่รถไฟ BTS สถานีสยาม
                 และห้างพารากอน เป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อท้าทายกฎอัยการศึกใช่หรือไม่”

 
ร้อยละ
ใช่
50.7
ไม่ใช่
20.9
ไม่แน่ใจ
28.4
 
 
             3. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “กฎอัยการศึกยังจำเป็นสำหรับ คสช. และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
                 จันทร์โอชา ในการบริหารประเทศหรือไม่ในสถานการณ์ปัจจุบัน”

 
ร้อยละ
ยังจำเป็น
เพราะเป็นการป้องกันการชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ ร้อยละ 39.2
  เพราะยังมีการสร้างสถานการณ์ การวางระเบิด การก่อความไม่สงบ ร้อยละ 31.2
70.4
ไม่จำเป็น
เพราะจะทำให้ดูไม่ดีในสายตาชาวต่างชาติ ร้อยละ 13.4
  เพราะจะกระทบต่อการท่องเที่ยว ร้อยละ 8.9
22.3
ไม่แน่ใจ
7.3
 
 
             4. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “ปัจจุบันบรรยากาศในชุมชนหรือจังหวัดที่ท่านอาศัย ยังมีความขัดแย้ง
                 ความเห็นต่าง และการแบ่งฝ่ายทางการเมืองหรือไม่”

 
ร้อยละ
เห็นว่ายังมีอยู่บ้าง
50.9
ไม่ค่อยเห็นเลย
38.2
เห็นว่ายังมีอยู่เหมือนเดิม
9.8
ไม่แน่ใจ
1.1
 
 
             5. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่
                 จังหวัดนครราชสีมา และไม่มีคนต้าน จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเลือกตั้งรอบหน้า
                 ว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม จะสามารถหาเสียงได้ทั่วประเทศใช่หรือไม่ ”

 
ร้อยละ
ใช่ เพราะปัจจุบันความขัดแย้งลดลงมากจึงน่าจะสามารถหาเสียงทั่วประเทศได้
45.6
ไม่ใช่ เพราะคิดว่าการต่อต้านการหาเสียงของฝ่ายตรงข้ามยังคงมีอยู่
40.1
ไม่แน่ใจ
14.3
 
 
             6. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “ภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
                 ท่านคิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด”


 
ร้อยละ
ดีขึ้นกว่าเดิม
71.1
ยังเหมือนเดิม
19.6
แย่ลงกว่าเดิม
6.9
ไม่แน่ใจ
2.4
 
 
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์การสำรวจ:
                 - เพื่อสะท้อนความเห็นต่อความจำเป็นในการประกาศใช้กฎอัยการศึก และผลต่อการบรรยากาศความสงบสุข
                   ของประเทศในปัจจุบัน
                 - เพื่อสะท้อนความเห็นต่อการลงพื้นที่ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในจังหวัดนครราชสีมา และไม่มีคนต้าน
                   จะเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเลือกตั้งรอบหน้าว่าพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม จะสามารถหาเสียงได้ทั่วประเทศ
                 - เพื่อต้องการทราบความเห็นว่าการบริหารประเทศของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำประเทศไทยเปลี่ยนแปลง
                   ไปในทิศทางใด
                 - เพื่อต้องการทราบว่าปัจจุบันบรรยากาศในชุมชนหรือจังหวัดที่กลุ่มตัวอย่างอาศัย ยังมีความขัดแย้ง
                   ความเห็นต่าง การแบ่งฝ่ายทางการเมืองหรือไม่
 
ประชากรที่สนใจศึกษา:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์
ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling แล้วใช้วิธีการถ่วง
น้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้อง
สมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 3 - 4 กุมภาพันธ์ 2558
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 7 กุมภาพันธ์ 2558
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
575
51.3
             หญิง
545
48.7
รวม
1,120
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
143
12.8
             31 – 40 ปี
281
25.1
             41 – 50 ปี
314
28.0
             51 – 60 ปี
248
22.1
             61 ปีขึ้นไป
134
12.0
รวม
1,120
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
719
64.2
             ปริญญาตรี
312
27.9
             สูงกว่าปริญญาตรี
89
7.9
รวม
1,120
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
162
14.5
             ลูกจ้างเอกชน
275
24.6
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
443
39.5
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
62
5.5
             ทำงานให้ครอบครัว
3
0.3
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
147
13.1
             นักเรียน/ นักศึกษา
22
2.0
             ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม
6
0.5
รวม
1,120
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776